วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557
(16 เม.ย. 57) ผศ. ดร. ไพรัช สู่แสนสุข
สรุปหน่วยที่ 1 แนวคิด ทฤษฎี เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ (เรียบเรียง......สมพงษ์ พูลสุข)
- การสอนต้องบรรลุวัตถุประสงค์
- ครูเป็นผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์สรุปหน่วยที่ 1 แนวคิด ทฤษฎี เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ (เรียบเรียง......สมพงษ์ พูลสุข)
เทคโนโลยี คือ สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการนำความรู้ของศาสตร์ใด ๆ มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
เทคโนโลยีทางการศึกษา หมายถึง การนำความรู้ของศาสตร์ใด ๆ มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
นวัตกรรม คือ แนวความคิด ปฏิบัต หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ท่ีนำมาใช้ในการปฏิบัติงานนั้น เพื่อให้เกิดผลดีมีประสิทธิภาพ
นวัตกรรมการศึกษา คือ แนวความคิด ปฏิบัติ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ท่ีนำมาใช้ในการปฏิบัติการสอน เพื่อให้เกิดผลดี มีประสิทธิภาพ
ประเภทของสือ เทคโนโลยี นวัตกรรมการศึกษา
- วัสดุ คือ สิ่งท่ีใช้หมดไปสิ้นเปลือง มีอายุการใช้งานไม่นาน
- อุปกรณ์ คือ ใช้ในการเรียนการสอน เป็นอุปกรณ์ท่ีคงทนถาวร
- วิธีการณ์กระบวนการ คือ การเรียนการสอน ผ่าน wed model
การพัฒนาสื่อ - นวัตกรรม (R&D)
R- การศึกษาวิเคราะห์ความรู้ / ข้อมูลเกี่ยวกับ NA
D - การสังเคราะห์
R - การตรวจสอบนวัตกรรมเบื้องต้น (โดยผู้เชี่ยวชาญ)
D - การปรับปรุงเเก้ไข
R - การทดลอง
*สื่อต้องมีวิจารณญาณในการเลื้อกใช้
ลักษณะการเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสม (เรียบเรียง...สมพงษ์ พูลสุข)
•
ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมาย
•
จัดหาและใช้ได้โดยสะดวก ไม่ซับซ้อน
ประหยัด
•
มีผลกระทบด้านลบน้อยมาก ต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม
•
ส่งเสริมศักดิ์ศรีและศักยภาพของมนุษย์
•
มีเหตุผล
มีความรอบคอบ เป็นต้น
เกณฑ์การเลือกใช้สื่อ
A - คุณลักษณะอันพึงประสงค์ VS จิตพิสัย (A)
P - ทักษะการคิด ทักษะพิสัย
*
P- การสอนแบบสาธิต
A - การมีวินัย ตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา
- เหมาะกับการแก้ไขปัญหา / พัฒนาการเรียนรู้
- เหมาะสมกับธรรมชาติเนื้อหาวิชาและการวิจัยผู้เรียน
- เป็นนวัตกรรมที่ดีกว่าเดิม
- ประหยัด
สะดวก
- ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อนในการใช้
- สามารถทดสอบ / ทดลอง ใช้เวลาไม่นาน
- สามารถทดสอบ / ทดลอง ใช้เวลาไม่นาน
รูปแบบการสอน
( Teaching /
Instruction Model) (เรียบเรียง..สมพงษ์ พูลสุข)
•
แบบแผนการดำเนินการสอนที่
ได้รับการจัดระบบ ให้สัมพันธ์ กับทฤษฎีหลักการการเรียนรู้
ที่รูปแบบการสอนนั้นยึดถือ
โดยได้รับการพิสูจน์ /ทดสอบว่ามีประสิทธิภาพ ช่วยให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ อย่างมีประสิทธิภาพ ตามจุดมุ่งหมายของรูปแบบนั้น
K - ความรู้ความเข้าใจ พุทธพิสัย (K A)A - คุณลักษณะอันพึงประสงค์ VS จิตพิสัย (A)
P - ทักษะการคิด ทักษะพิสัย
*
P- การสอนแบบสาธิต
A - การมีวินัย ตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา
หน่วยที่ 2 (17 เม.ย. 57) อ.ดร. เจนศึก โพธิศาสตร์
การเรียนการสอนแบบ PBL (เรียบเรียง...สมพงษ์ พูลสุข)
การเรียนรู้โดยการใช้ปัญหาเป็นฐานเป็นวิธีการพัฒนาหลักสูตรและวิธีการสอนที่ใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้น คือ
1. ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
2. เรียนโดยแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มย่อยโดยส่วนใหญ่
3. ใช้ปัญหาจริงและการแก้ปัญหาเป็นหลักในการเรียนรู้
4. มีการบูรณาการของเนื้อหาความรู้
* ผลงาน
* โครงการ เป็นโครงการที่ขนาดใหญ่ มีขั้นตอน ระยะเวลาที่แน่นอน
* โครงงาน เป็นโครงงานที่มีขนาดเล็กกว่า โครงการ มีขั้นตอน ระยะเวลาเหมือนกัน
* อาจาย์ให้จัดทำโครงงานเป็นงานกลุ่ม (งานของกลุ่มที่ 5 )
โครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
เรื่อง : นาฬิกามหาสนุกพัฒนาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง การบวก ลบ
ที่มาและความสำคัญ
คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความคิดของมนุษย์ทำให้มนุษย์มีความคิด
สร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบระเบียบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ
ทำให้สามารถคาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจและแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
คณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตลอดจนศาสตร์อื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้องจึงมีประโยชน์ต่อการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังช่วยพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
คือ มีความสมดุลทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และอารมณ์ สามารถคิดเป็น ทำเป็น
แก้ปัญหาเป็น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
ด้วยความตระหนักถึงเรื่องดังกล่าว
จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนานักเรียนตั้งแต่เริ่มต้น
แต่ปัจจุบันกลับพบว่าครูผู้สอนมักประสบปัญหาการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ คือ
ผู้เรียนไม่มีความสามารถในการคำนวณเลข โดยการบวก ลบ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์
พัฒนาสื่อนาฬิกาในการสอนวิชาคณิตศาสตร์
เรื่อง การบวก ลบ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ขอบเขตการศึกษา
1. รายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก ลบ
2. นักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่
1 ที่เรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง พ.ศ. 2551 จำนวน 30 คน
3. จำนวนเวลาเรียน 5 ชั่วโมง
ประจำภาคเรียนที่ 1
วิธีการดำเนินงาน
1. สมาชิกร่วมกันวางแผน วิเคราะห์ และกำหนดแนวทางในการดำเนินงาน
2. ออกแบบนาฬิกามหาสนุก และจัดทำ โดยมุ่งเน้นที่สีและตัวเลขให้มีความโดดเด่น
สวยงาม
3. ตรวจสอบประสิทธิภาพของนาฬิกามหาสนุก
4. ออกแบบและจัดทำเครื่องมือการวัดผลและประเมินผลการเรียนวิชาคณิตศาตร์เรื่อง
การบวก ลบ
5. ตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง
การบวก ลบ โดยใช้เครื่องมือ ได้แก่ แบบทดสอบหลังเรียน
6. นำสื่อการสอนนาฬิกามหาสนุกไปใช้ประกอบการเรียนการสอนในเนื้อหาการบวก
ลบ ตัวเลขทางคณิตศาสตร์
7. สรุปผลการดำเนินการเรียนการสอน
สมมุติฐาน
เมื่อทดลองใช้นาฬิกามหาสนุกในการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง
การบวก ลบ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่1 แล้วนักเรียนสามารถบวก ลบ
เลขจำนวนได้อย่างถูกต้อง
วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557
สรุปงานวันที่ 22 เม.ย. 57
ภาคเช้า นักศึกษาแสดงผลงานตามกลุ่มที่ได้รับมอบหมายในเรื่องการสร้างโปรมแกรม power point เป็นสื่อการเรียนการสอน และออกมา พรีเซ็นต์ งานกลุม (อ. ประเสริฐ แซ่เอี๊ยบ)
ภาคบ่าย นักศึกษาแสดงผลงาน และ พรีเซ็นต์ งานกลุม ในเรื่องการสอนแบบ Project based learning (อ.ดร. เจนศึก โพธิศาสตร์)
ภาคเช้า นักศึกษาแสดงผลงานตามกลุ่มที่ได้รับมอบหมายในเรื่องการสร้างโปรมแกรม power point เป็นสื่อการเรียนการสอน และออกมา พรีเซ็นต์ งานกลุม (อ. ประเสริฐ แซ่เอี๊ยบ)
ภาคบ่าย นักศึกษาแสดงผลงาน และ พรีเซ็นต์ งานกลุม ในเรื่องการสอนแบบ Project based learning (อ.ดร. เจนศึก โพธิศาสตร์)
สรุปบทเรียนวันท่ี 21 เม.ย. 57
สรุปงาน วันที่ 21 เมษายน 2557 กิจกรรมที่ 1 อ. ประเสริฐ (งานบุคคล)
หลักสูตรที่
8 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
กรณีศึกษา
:
ปัญหาที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่อง
โรคและกลุ่มอาการที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์นาน
ๆ
นายสมพงษ์ พูลสุข
เลขที่
1317
อาจารย์ประจำหลักสูตร
ผศ.
ประเสริฐ แซ่เอี๊ยบ
วันที่ 21 เมษายน 2557
1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
นับย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน อเมริกานับเป็นประเทศแรก
ๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ สมัยนั้นมีนักวิจัยทำรายงานและเก็บสถิติได้ว่า
ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในยุคนั้นประสบปัญหาโรคทางสายตา เช่น ต้อกระจก
เกิดอาการเครียด ปวดศีรษะมากที่สุด เพราะจอหรือมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์ในยุคแรก ๆ
นั้นยังไม่ได้รับการพัฒนาคอมพิวเตอร์ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น
แต่ทว่าทำให้เราเกิดโรคใหม่ ที่ไม่มีเชื้อ ไม่มีวัคซีนป้องกัน และไม่ใช่โรคติดต่อ
โรคพวกนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วรักษาให้หายยาก
ใช้เวลานาน นอกจากจะก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองแล้ว ยังทำลายคุณภาพชีวิตด้วย ทำให้ขาดมนุษยสัมพันธ์
ขาดการออกกำลังกาย ขาดโภชนาการที่ดี
ผลการวิจัยข้อมูลจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
โดย พ.อ.นพ.กิฎาพล วัฒนกูล
ผู้อำนวยการกองเวชศาสตร์ฟื้นฟู
ได้รวบรวมเรื่องราวรอบโรคนำเสนอเป็นความรู้ที่น่าสนใจถึง
กลุ่มอาการที่อาจกล่าวว่าเป็นโรคใหม่ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ คือ Cumulative
Trauma Disorders (ความผิดปกติจากอุบัติภัยสะสม) เป็นอาการที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ไม่ใช่โรค
แต่เป็นปฏิกิริยาจากการทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลัก และโรคใหม่อีกโรค
คือ โรค Hurry Sickness (โรคทนรอไม่ได้) มักเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้อาการกระวนกระวาย
ซึ่งหากมีอาการมาก ๆ ก็จะเข้าข่ายเป็นโรคประสาทได้ ซึ่งอาจนำไปถึงการเสียเพื่อน
และตกงานได้
รายงานการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องได้มีการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย
ในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างแพร่หลายในหลาย ๆ ประเทศ พอสรุปได้ดังนี้คือ (กิฎาพล
วัฒนกูล)
1) ในประเทศสวีเดน พบว่า
สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ สารนี้มีชื่อทางเคมีว่า Triphenyl
Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในจอวิดีโอ และคอมพิวเตอร์
2) ในประเทศญี่ปุ่น
มีผลการวิจัยบ่งชี้ว่า การใช้เวลาทำงานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ
สามารถทำให้มีอาการป่วยทั้งทางร่างกาย จิตใจ
รวมทั้งอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ อาการอ่อนเพลีย
ซึ่งกลายเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้น เป็นประจำสำหรับพนักงานที่ใช้เวลาเกินกว่า 5
ชั่วโมงทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในแต่ละวัน
3) ในประเทศไทย
โดยกองอาชีวอนามัย กรมอนามัย ได้ศึกษาวิจัยในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์จากหลาย ๆ
หน่วยงานพบว่า ห้องทำงานส่วนใหญ่มีสภาพการจัดที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ร้อยละ 62 ที่ทราบถึงผลกระทบต่อระบบสายตา
ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้นที่ทราบถึงผลกระทบต่อระบบกล้ามเนื้อ
กระดูกและข้อต่อ อันเนื่องมาจากการใช้คอม พิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ
2. โรคและกลุ่มอาการที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
อันเนื่องมาจากการทำงานกับคอมพิวเตอร์
1. โรค Cumulative
Trauma Disorders (ความผิดปกติจากอุบัติภัยสะสม) อาการของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป
จะมีอาการปวดคอ ไหล่ ข้อมือ และหลัง ผู้ที่เป็นมาก ๆ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น
อาการชาที่มือ อาการของโรคพวกนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะแรกเป็นแล้วหายเมื่อได้พัก ระยะสองคือ มีอาการต่อเนื่องถึงกลางคืน
และหายเมื่อได้พัก ระยะสามคือ เป็นตลอดเวลาไม่หายเมื่อได้พัก การรักษาคือ
ต้องปรับพฤติกรรมการทำงานของตนเองก่อน หรือถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์
และควรเล่าประวัติการทำงาน ให้แพทย์ทราบสาเหตุที่แท้จริง
แพทย์จึงจะรักษาเจาะจงเฉพาะที่ได้
2. โรคนี้มีความคล้ายกับ
โรคจากการทำงานซ้ำซาก ซึ่งนักกายภาพบำบัดอธิบายว่า
พบมากในผู้ที่ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน มักจะมีอาการชาข้อมือ
หรือที่เรียกว่า กลุ่มอาการอุโมงค์ข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) เกิดเนื่องจากการใช้งานซ้ำ
ๆ ที่บริเวณข้อมือ ทำให้เอ็นรอบ ๆ ข้อมือหนาตัวขึ้นแล้วไปกดเส้นประสาทที่วิ่งผ่าน
ทำให้เกิดอาการชาและเจ็บได้ ซึ่งการรักษานอกจากทางกายภาพ
โดยใช้ความร้อนทำให้บริเวณที่จับหนาตัวขึ้นนิ่มลงและยืดมันออก
ทำให้อุโมงค์ที่เส้นประสาทลอดผ่านขยายตัวได้ แต่ถ้าผู้ที่เป็นมาก ๆ
จะมีอาการชาจนกระทั่งกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงไป การผ่าตัดคือ วิธีรักษาที่ดีที่สุด
3. โรคทนรอไม่ได้ (Hurry
Sickness)
มักจะเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้กลายเป็นคนขี้เบื่อ
หงุดหงิดง่าย ใจร้อน เครียดง่าย เช่น ทนรอเครื่องดาวน์โหลดนาน ๆ ไม่ได้
กระวนกระวาย หากมีอาการมาก ๆ ก็จะเข้าข่ายโรคประสาทได้
ท่านจึงควรปรับเปลี่ยนลักษณะงาน และพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองไว้บ้าง
มิฉะนั้นท่านจะเป็นคนที่เสียทั้งงานและเสียทั้งเพื่อนได้
4. โรคภูมิแพ้
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสตอก โฮล์ม ในสวีเดนพบว่า สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์
ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ สารนี้มีชื่อว่า Triphenyl Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
ทั้งในจอวิดีโอ และคอมพิว เตอร์ สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่น คัน
คัดจมูก และปวดศีรษะ ผลวิจัยพบว่า
เมื่อจอคอมพิวเตอร์ร้อนขึ้นจะปล่อยสารเคมีดังกล่าวออกมา
โดยเฉพาะหากสภาพภายในห้องทำงานที่มีเนื้อที่จำกัด
เครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้น
อากาศที่ดีจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
3. สรุปภัยจากคอมพิวเตอร์
ปัจจุบัน
คอมพิวเตอร์กำลังจะกลายเป็นอุป กรณ์ธรรมดา ๆ ที่จำเป็นต้องมีของทุกหน่วยงาน
พนักงานทุกคนต้องใช้เป็น ความเสี่ยงจึงเกิดกับท่านที่ใช้ชีวิตอยู่หน้าจอเป็นประจำเท่านั้น
โดยเฉพาะท่านที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน
ผลกระทบต่อสุขภาพเบื้องต้นที่แน่ ๆ ก็คือ ปวดหลัง ปวดไหล่ ต้นคอ และข้อมือ
เกิดอาการเครียดที่ตา เพราะขณะมองจอนั้นผู้ใช้มักไม่กะพริบตา
เป็นผลให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงเกิดอาการระคายเคืองได้ และอาการที่ตามมาคือ ตาพร่า
และมองไม่เห็นชั่วคราว นอกจากนี้ยังอาจมีอาการไมเกรนพ่วงมาด้วย
ปัญหาทางตาเป็นปัญหาที่น่าห่วงมาก เพราะเมื่อตาเกิดความเครียด กล้ามเนื้อตาจะบีบรัดเลนส์ตา จนเกิดความเมื่อยล้า จึงมีคำแนะนำว่า ถ้าต้องใช้สายตาอยู่กับหน้าจอนาน ๆ ควรพักสายตาทุก ๆ สิบนาที ด้วยการเปลี่ยนไปมองวัตถุที่อยู่ไกลออกไปสัก 20 ฟุต มองสัก 2-3 นาทีแล้วค่อยมองจอต่อ ทั้งหมดคงต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์เอง ที่จะต้องรับผิดชอบสุขภาพของตนเอง เพราะถ้าเกิดปัญหาทางสายตาขึ้น จะไปเรียกร้องเงินทดแทนก็คงทำได้ยาก
4. ข้อเสนอแนะ (กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข)
การจัดและปรับสภาพโต๊ะทำงานคอมพิวเตอร์
โดยผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละคน ควรปรับระดับที่เหมาะสมของตนเอง
เพื่อให้ได้ท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาตาล้า
และความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อของร่างกาย
จึงขอเสนอคำแนะนำในการจัดสัดส่วนงานคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียด ดังนี้ คือ
- จอภาพคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาในแนวประมาณ
20 องศา
- ระยะในการมอง
ควรอยู่ระหว่าง 50-70 ซม.
- เก้าอี้ปรับระดับได้
และ/หรือโต๊ะปรับระดับความสูงได้
- นั่งหลังตรง
หลังพิงพนักพิง
- จอภาพควรเป็นประเภทตัวหนังสือมืดบนพื้นสว่าง
ภายใต้ระดับความส่องสว่างของแสงประมาณ 300-500 ลักซ์
หรืออย่าให้มีการสะท้อนของแสงที่ตกกระทบ
ทำให้เสมือนมีหมอกมาบดบังอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์.
|
ภาคผนวก
บทความจาก : ผศ.นพ.กิตติ โตเต็มชัยการ อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี (ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่
20 เมษายน พ.ศ. 2557)
โรคกระเพาะอาหาร ในปัจจุบันมีการใช้อินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย
เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและติดต่อสื่อสารกันอย่างรวดเร็วเสมือนกับการย่อโลกลงมาและประโยชน์ข้อนี้ก็อาจทําให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินกับหน้าจอจนเลยเวลารับประทานอาหารหรือรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
ซึ่งอาจทําให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีอาการปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหารได้
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
โรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับผู้นั่งทํางานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานหลายชั่วโมงจนไม่ได้ไปปัสสาวะหรือกลั้นปัสสาวะไว้นานเกินไป
โดยเฉพาะผู้หญิง
การกลั้นปัสสาวะไว้นานอาจทําให้มีโอกาสที่เชื้อโรคบริเวณปากช่องคลอดจะเข้าไปในท่อปัสสาวะทําให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะทําให้ปัสสาวะบ่อย
หรือเวลาปัสสาวะจะมีอาการแสบขัด บางรายถึงกับลุกลามเป็นกรวยไตอักเสบ
มีอาการมีไข้หรือปวดหลังได้ ดังนั้น ในระหว่างที่ใช้คอมพิวเตอร์
ถ้ารู้สึกปวดปัสสาวะควรไปห้องน้ําทันที ไม่ควรรอ
ถ้ารู้สึกปวดปัสสาวะควรไปห้องน้ําทันที ไม่ควรรอ
โรคขาดอาหาร การเล่นเครื่องคอมพิวเตอร์นานๆ
โดยเฉพาะในเด็กอาจถึงกับทําให้เกิดภาวะขาดอาหารได้ เนื่องจากไม่สนใจรับประทานอาหาร
หรือทานอาหารที่หาง่ายทําง่าย เช่น
บะหมี่กึ่งสําเร็จรูปที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
และทําให้ร่างกายขาดสารอาหารจําเป็น ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายได้
การอดนอน
การเพลิดเพลินกับคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตหรือการเล่นเกมทําให้นอนดึก
อดนอน ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ทําให้สมองไม่แจ่มใส
หากทําติดต่อกันหลายวันอาจส่งผลให้การเรียนหรือการทํางานขาดประสิทธิภาพ
เสียการเรียนหรือเสียการเสียงานได้
การขาดการออกกําลังกาย
การติดการใช้คอมพิวเตอร์
หรือใช้เวลาแต่ละวันนั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์หลายชั่วโมงจนบางครั้งไม่มีเวลา
หรือไม่มีความคิดจะออกกําลังกาย
ทําให้ร่างกายไม่แข็งแรงกล้ามเนื้อในร่างกายขาดการฝึกฝนใช้งาน
ทําให้กล้ามเนื้อหดลีบขาดความคล่องตัว
ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะอ่อนแอลงทําให้ติดเชื้อโรคได้ง่าย เป็นหวัด เจ็บคอบ่อยๆ
จากการติดเชื้อทางเดินหายใจ
เพราะนั่งใช้คอมพิวเตอร์อยู่แต่ในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศเกือบตลอดเวลาไม่ค่อยออกไปสัมผัสกับแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์
บรรณานุกรม
กิฎาพล
วัฒนกูล ผลการวิจัยข้อมูลจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ผู้อำนวยการกองเวชศาสตร์ฟื้นฟู
กิตติ
โตเต็มชัยการ บทความอโรคจากคอมพิวเตอ าจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
ไทยรัฐออนไลน์
(วันอาทิตย์ที่ 20
เมษายน พ.ศ. 2557)
เรียบเรียง....สมพงษ์ พูลสุข
กิจกรรมที่ 2
(อ. ประเสริฐ) งานกลุ่ม โดยอาจารย์ให้หาข่าวปัญหาที่เกิดจากการใช้สื่อและนำมาสอนนักเรียนตามเกณฑ์ดังนี้
A nalyze Learer Characteristics การวางแผนอย่างเป็นระบบในการใช้สื่อการสอน
(ASSURE)
S tate Objectives การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน
S elect Modify or Design Materials การกำหนดวัตถุประสงค์ (2 แบบ เชิงพฤติกรรม นักเรียนสามารถบอกได้)
U tilize Materials การเลือก ดัดแปลง หรือออกแบบสื่อใหม่
R equire Learner
Response การใช้สือ
V valuation การกำพหนดการตอบสนองของผู้เรียน
บทเรียนโปรแกรม (เรียบเรียง....สมพงษ์ พูลสุข)
1. ให้นักเรียนมีส่วนร่วมอย่างกระฉับกระเฉง
2. บทเรียนต้องให้ผลย้อนกลับทันที (เด็กตอบถูก- ผิด ต้องเฉลยทันที)
3. บทเรียนต้องประเมินทีละน้อย
4. ให้นักเรียนได้รับประสบการณ์แห่งความสำเร็จ
กิจกรรมที่ 3 (อ. ประเสริฐ) งานกลุ่ม ชิ้นที่ 2 ทำโปรแกรม power
point ตามหัวข้อต่อไปนี้
(เรียบเรียง สมพงษ์ พูลสุข)
(เรียบเรียง สมพงษ์ พูลสุข)
กรอบ - ชื่อบทเรียน....................
-
คำแนะนำ/ วัตถุประสงค์
-
เนื้อหา
-
แบบฝึกหัด (ต้องทำทันทีจากเนื้อหา) ( ผิด-ถูก)
-
สรุป
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557
สรุป 18 -20 เม.ย. 57
สรุปงาน 18 เม.ย. 57
ว่าที่ร้อยตรีหญิง
ดร. ชัชญาภา วัฒนธรรม ให้สรุปงานตั้งแต่
วันที่ 16 เม.ย. 57 ของ ผศ. ดร. ไพรัช
สู่แสนสุข และงาน วันที่ 17 เม.ย. 57 ของ อ.ดร. เจนศึก โพธิศาสตร์
และให้นักศึกษาสร้าง Gmail
การสร้าง Blog (somphongpoolsuk
blog.com)
ตอบคำถามจากใบงานที่ 1
1. ตอบ
สารสนเทศเปรียบเสมือนการเดินทางการเชื่อมโชงข้อมูลข่าวสารถึงกันทำให้ประชากรในโลกรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานดังนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ
ทั้งในด้านการบริหารนโยบาย
2. ตอบ เว็บ ไซด์ ของโรงเรียน (School s Operation)
เพราะทำให้บุคคลภายนอกสามารถรับข้อมูลข่าวสารจาก โรงเรียนได้ตลอดเวลา
จนถึงโรงเรียนสามารถรับข้อมูลข้าวสารจากศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
( Obec Doc ) โดยจากระดับสูง-ลงล่าง และจาก ล่าง-สูง
……………………………………………………..
- การสอนต้องบรรลุวัตถุประสงค์
- ครูเป็นผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์
เทคโนโลยี คือ
สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการนำความรู้ของศาสตร์ใด ๆ
มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
เทคโนโลยีทางการศึกษา หมายถึง การนำความรู้ของศาสตร์ใด ๆ มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ
และประสิทธิผล
นวัตกรรม คือ แนวความคิด
ปฏิบัต
หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่
ๆ ท่ีนำมาใช้ในการปฏิบัติงานนั้น เพื่อให้เกิดผลดีมีประสิทธิภาพ
นวัตกรรมการศึกษา คือ แนวความคิด
ปฏิบัติ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ท่ีนำมาใช้ในการปฏิบัติการสอน เพื่อให้เกิดผลดี
มีประสิทธิภาพ
ประเภทของสือ เทคโนโลยี นวัตกรรมการศึกษา
- วัสดุ คือ สิ่งท่ีใช้หมดไปสิ้นเปลือง มีอายุการใช้งานไม่นาน
- อุปกรณ์ คือ ใช้ในการเรียนการสอน เป็นอุปกรณ์ท่ีคงทนถาวร
- วิธีการณ์กระบวนการ คือ การเรียนการสอน ผ่าน wed
model
การพัฒนาสื่อ - นวัตกรรม (R&D)
R- การศึกษาวิเคราะห์ความรู้
/ ข้อมูลเกี่ยวกับ NA
D - การสังเคราะห์
R - การตรวจสอบนวัตกรรมเบื้องต้น
(โดยผู้เชี่ยวชาญ)
D - การปรับปรุงเเก้ไข
R - การทดลอง
*สื่อต้องมีวิจารณญาณในการเลื้อกใช้
ลักษณะการเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสม
• ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมาย
• จัดหาและใช้ได้โดยสะดวก ไม่ซับซ้อน ประหยัด
• มีผลกระทบด้านลบน้อยมาก
ต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม
• ส่งเสริมศักดิ์ศรีและศักยภาพของมนุษย์
• มีเหตุผล มีความรอบคอบ เป็นต้น
เกณฑ์การเลือกใช้สื่อ
- เหมาะกับการแก้ไขปัญหา / พัฒนาการเรียนรู้
- เหมาะสมกับธรรมชาติเนื้อหาวิชาและการวิจัยผู้เรียน
- เปนนวัตกรรมที่ดีกว่าเดิม
-ประหยัด สะดวก
-ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อนในการใช้
- สามารถทดสอบ / ทดลอง
ใช้เวลาไม่นาน
- สามารถทดสอบ / ทดลอง ใช้เวลาไม่นาน
รูปแบบการสอน ( Teaching / Instruction Model)
• แบแผนการดำเนินการสอนที่
ได้รับการจัดระบบ ให้สัมพันธ์ กับทฤษฎีหลักการการเรียนรู้ ที่รูปแบบการสอนนั้นยึดถือ
โดยได้รับการพิสูจน์ /ทดสอบว่ามีประสิทธิภาพ ช่วยให้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ อย่างมีประสิทธิภาพ
ตามจุดมุ่งหมายของรูปแบบนั้น
K - ความรู้ความเข้าใจ
พุทธพิสัย (K A)
A - คุณลักษณะอันพึงประสงค์ VS จิตพิสัย
(A)
P - ทักษะการคิด ทักษะพิสัย
*
P- การสอนแบบสาธิต
A - การมีวินัย ตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา
หน่วยที่ 2 (17 เม.ย. 57) อ.ดร. เจนศึก
โพธิศาสตร์
การเรียนการสอนแบบ PBL
การเรียนรู้โดยการใช้ปัญหาเป็นฐานเป็นวิธีการพัฒนาหลักสูตรและวิธีการสอนที่ใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้น
คือ
1. ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
2. เรียนโดยแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มย่อยโดยส่วนใหญ่
3. ใช้ปัญหาจริงและการแก้ปัญหาเป็นหลักในการเรียนรู้
4. มีการบูรณาการของเนื้อหาความรู้
สรุปงาน วันที่ 19 เม.ย. 57
นายสมพงษ์ พูลสุข 1317 การใช้
Blog ในการเรียนการสอน
สาระการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่องพระปรางค์(เจดีย์) ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
1. ขั้นนำ (Introduction)
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทยมายาวนานถึง 417
ปี มีกษัตริย์ครองราชถึง 33 พระองค์
อยุธยา แปลว่า รบไม่แพ้ อยุธยา มาจากวรรณคดีของอินเดีย คือ
2. งาน (Task)
พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของอยุธยา
พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของอยุธยา
มีพื้นที่ประมาณ 2556 ตารางกิโลเมตร
เป็นที่ราบลุ่มสูงกว่าระดับน้ำทะเล เฉลี่ย 3.5 เมตร
ไม่มีภูเขา ไม่มีป่าไม้ ไม่มีทะเล มีป่าละเมาะ
- มีแม่น้ำไหลผ่าน 4 สาย คือ
แม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก ลพบุรี และแม่น้ำน้อย
- อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) ถึงศาลากลางจังหวัดระยะทาง 74 กม.
กฎหมายตราสามดวง คือ กฎหมายที่ตราขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ใช้ปกครองบ้านเมืองมีสามตรา คือ ตราราชสีห์ ตราคชสีห์ และตราบัวแก้ว
เลิกใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5
กดอุเบกษา คือ
โทษสถานเบา เช่น ตักเตือน ทำทัณฑ์บน
โบราณสถานในยุคต้นได้แบบการสร้างมาจากขอม เช่น ที่วัดพุทไธศวรรย์
วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระราม
พระปรางค์ในยุคที่ 1 ยุคแรก
ได้แบบการสร้างมาจากขอม เช่น ที่วัดพุทไธศวรรย์ วัดมหาธาตุ
วัดราชบูรณะ วัดพระราม


ปรางค์วัดส้ม ปรางค์วัดราชบูรณะ
พระปรางค์ยุคที่ 2 ยุคที่สองตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเป็นต้น
โบราณสถานมักจะสร้างเป็นแบบเจดีย์ทรงระฆัง โดยได้แบบมาจากสุโขทัย เช่น
ที่วัดพระศรีสรรเพชญ์

วัดพระศรีสรรเพชญ์
พระปรางค์ในยุคที่ 3 เป็นยุคที่พระเจ้าปราทสาททองทรงจำลองปราสาทนครวัดมาสร้างที่กรุงศรีอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง
พระปรางค์ในยุคนี้จะสูงเพรียวกว่ายุคแรกและหน้ามุขจะสั้นกว่ายุคแรก
วัดไชยวัฒนาราม
พระปรางค์ มี 3 แบบ
1. แบบกลีบมะเฟือง พบมากที่
เมืองสรรค์บุรี จ.ชัยนาท
2. แบบฝักข้าวโพดพบมากที่ พระนครศรีอยุธยา
3. แบบปลีกล้วย พบที่ ลพบุรี เพชรบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์
3. กระบวนการเรียน (Learning Process
3.1
ให้นักเรียนบอกรูปทรงเจดีย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ว่าเป็นรูปทรงแบบใด?
3.2 ให้นักเรียนวาดรูปเจดีย์ลงในโปรแกรม Paint และบอกชื่อส่วนประกอบของเจดีย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยเรียงจากยอดเจดีย์ ดังต่อไปนี้............
3.2 ให้นักเรียนวาดรูปเจดีย์ลงในโปรแกรม Paint และบอกชื่อส่วนประกอบของเจดีย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยเรียงจากยอดเจดีย์ ดังต่อไปนี้............
4.แหล่งเรียนรู้
(Resource)
- โดยให้นักเรียนค้นคว้าจากห้องสมุด
- หนังสือประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
-
จากสื่ออินเทอร์เนตหด
5.ประเมินผล (Evaluation)
ตอนที่ 1
นักเรียนสามารถตอบได้ว่าเจดีย์ในสมัยอยุธยามีกี่ยุค............
(5 คะแนน)
นักเรียนสามารถตอบได้ว่าเจดีย์ในสมัยอยุธยามีรูปทรงใดบ้าง......(5
คะแนน)
* รวม 10 คะแนน
ตอบถูก 2 ข้อ อยู่ในเกณฑ์
ดี
ตอบถูก 1 ข้อ
อยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง
ตอบผิดทั้ง 2 ข้อ ได้รับการทบทวน/สอนเสริม
ตอนที่ 2
ตอบได้ 8 องค์ประกอบขึ้นไป ระดับ 4 ดีมาก
ตอบได้ 6 – 7 องค์ประกอบ ระดับ 3 ดี
ตอบได้ 5 องค์ประกอบ ระดับ 2 พอใช้
ตอบได้ ต่ำกว่า 5 องค์ประกอบ
ต้องได้รับการทบทวน/ซ่อมเสริม
6. สรุป (Conclusion)
จากการที่นักได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับปรางค์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา นักเรียนสามารถจำแนกรูปทรงของพระปรางค์ได้ และจะพบว่าพระปรางค์ (เจดีย์)ในสมัยอยุธยา มีรูปทรงแบบใด ได้รับอิทธิพลจากที่ใด และได้เห็นความแตกต่างของการสร้างพระปรางค์ในแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างด
จากการที่นักได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับปรางค์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา นักเรียนสามารถจำแนกรูปทรงของพระปรางค์ได้ และจะพบว่าพระปรางค์ (เจดีย์)ในสมัยอยุธยา มีรูปทรงแบบใด ได้รับอิทธิพลจากที่ใด และได้เห็นความแตกต่างของการสร้างพระปรางค์ในแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างด
ภาพกิจกรรมหลักสูตรที่ 8 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
ภาพ กิจกรรมวันที่ 16 เมษายน 57
กิจกรรมวันที่ 18 -19 เมษายน 57 somphongpoolsuk bolgspot.com
สรุปงาน 20 เม.ย. 57
งานของ ผศ. ประเสริฐ
แซ่เอี๊ยบ
นวัตกรรม คือ
การกระทำใหม่ ๆ ทีมีตัวตน
โปรแกรม I P P T โปรแกรม Edmodo
นวัตกรรมต้องผ่านการทดลองออกมาก่อน
กิจกรรม pre Test
1. นวัตกรรมเกิดมาจากสาเหตุใดได้บ้าง?
ตอบ เกิดจากความต้องความสะดวก เป็นการแก้ปัญหา ต้องการความรู้ใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพ
ความเปลี่ยนแปลง
2. บุคคลหรือกลุ่มคนใดที่ทำให้เกิดนวัตกรรม?
ตอบ หลังจากเกิดนวัตกรรมแล้วนั้น จะเป็นที่ยอมรับหรือไม่
เพียงใดขึ้นอยู่กับบุคคลสำคัญ 3 ฝ่าย
1.
นวัตกร (Innovation)
2.
ผู้นำ (Leaders)
3.
ผู้ต่อต้าน (Resistors)
3. นวัตกรรมสิ้นสภาพได้หรือไม่ อย่างไร?
ตอบ นวัตกรรมหมดสภาพได้ดังนี้
นวัตกรรม
ยอมรับ - ไม่ยอมรับ
เทคโนโลยี - ล้าสมัย หมดความนิยม
การยอมรับนวัตกรรม มีขั้นตอนดังนี้
1. ขั้นรับรู้
2. ขั้นสนใจ
3. ขั้นประเมินค่า
4.ขั้นทดลอง
5. ขั้นยอมรับ
6.ขั้นบูรณาการ
การปฏิเสธนวัติกรรม เกิดจากสาเหตุดังนี้
1. ความเคยชินกับวิธีการเดิม ๆ
2. ความไม่แน่ใจในประสิทธิภาพของนวัตกรรม
3. ความรู้ของบุคคล ต่อนวัตกรรม
4. ข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ
ครูในยุค ICT
สถานการณ์ประเทศไทย
·
จำนวนประชากร 65 ล้านคน
·
โทรศัพท์พื้นฐาน 7 ล้านเครื่อง
·
ใช้อินเทอร์เนต 25 ล้านคน
·
โทรศัพท์มือถือ 64.7 ล้านคน
: ที่มา
ยูเนสโกกรุงเทพฯ
อุปกรณ์สื่อสารที่นักเรียนใช้
·
โทรศัพท์มือถือ
76%
·
คอมพิวเตอร์
61 %
·
เครื่องฟังเพลงพกพา 32 %
: ที่มา
ยูเนสโกกรุงเทพฯ
สิ่งที่ครูยุค ICT จะต้องเจอ ////
·
Google
·
Social
network
Facebook twitter Line
·
Entertainment
multimedia
Youtube ip.tv
·
E Learning
·
Mobile technology
·
Technology
for life
ทักษะที่ครูยุค ICT จะต้องมี
·
ทักษะการสืบค้นข้อมูล
·
การวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร
·
ทักษะการออกแบบ ผลิต ประยุกต์ใช้
ข้อมูลข่าวสาร
ผลจากการใช้นวัตกรรม 3 ป.
1. ประสิทธิภาพ
2.ประสิทธิผล
3.ประหยัด
นวัตกรรมการศึกษา เกิดจากแนวคิดพื้นฐาน 4 ประการ
1. ความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยมุ่งหาวิธีการให้ผู้เรียนได้เรียนตามความสามารถ
2. แนวคิดด้านความพร้อม
นักการศึกษาเชื่อว่า การเรียนรู้จะได้ผลดี
เมื่อผู้เรียนมีความพร้อมและความพร้อมนี้สามารถสร้างขึ้นได้ เช่น
ศูนย์การเรียนการจัดโรงเรียนในโรงเรียน
กฎแห่งความพร้อม
1.พร้อม-ได้เรียน-พอใจ-การเรียนรู้
2. ไม่พร้อม-ได้เรียน-ไม่พอใจ-ไม่เรียนรู้
3. พร้อม –ไม่ได้เรียน-ไม่พอใจ-ไม่เรียนรู้
4. ไม่พร้อม-ไม่ได้เรียน-พอใจ-ไม่เรียนรู้
*ใบงาน :
กรณีศึกษาปัญหาที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
งานของ อาจารย์ ดร. ชัชญาภา
วัฒนธรรม
แบบทดสอบ นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
(5 คะแนน) เริ่มเวลา 09.00-12.00 น. วันที่ 20 เมษายน 2557
ให้ทุกท่านตอบคำถาม "นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ"
ที่ให้ไปตามลำดับ โดยให้ศึกษา ค้นคว้า สรุป
ด้วยกระบวนการวิเคราะห์
สมพงษ์ พูลสุข 1317 * การเรียนทางเครือข่ายไร้สาย
(m-Learning หรือ Mobile Learning)
1. อธิบายความหมาย บอกคุณลักษณะ
ประโยชน์ ข้อดี ข้อจำกัด
ตอบ ความหมายของ m-Learning
m-Learning
(mobile learning) คือ
การจัดการเรียนการสอนหรือบทเรียนสำเร็จรูป (Instruction Package) ที่นำเสนอเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านเทคโนโลยีไร้สาย (wireless
telecommunication network) และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต
ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่และทุกเวลา โดยไม่ต้องเชื่อมต่อโดยใช้สายสัญญาณ
ผู้เรียนและผู้สอนใช้เครื่องมือสำคัญ คือ
อุปกรณ์ประเภทเคลื่อนที่ได้โดยสะดวกและสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องใช้สายสัญญาณแบบเวลาจริง
ได้แก่ Notebook Computer, Portable computer, Tablet
PC, Cell Phones ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
สำหรับพัฒนาการของ
m-Learning เป็นพัฒนาการนวัตกรรมการเรียนการสอนมาจากนวัตกรรมการเรียนการสอนทางไกล
หรือ d-Learning (Distance Learning) และการจัดการเรียนการสอนแบบ
e-Learning (Electronic Learning) ดังภาพประกอบต่อไปนี้
คุณลักษณะของ
m-Learning
อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอนแบบ m-Learning
การจัดการเรียนการสอนแบบ m-Learning นั้น
ผู้เรียนต้องใช้อุปกรณ์แบบติดตามตัวหรือเคลื่อนไปได้โดยสะดวก (mobile
devices) ซึ่งอุปกรณ์แต่ละประเภทมีความสามารถ
มีขนาดและราคาที่แตกต่างกันไป อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการเรียนการสอนแบบ
m-Learning ได้ มีดังนี้
ENotebook computers เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาได้
มีความสามารถเทียบเท่าหรือเหนือกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป (Desktop of
Personal Computer) ปัจจุบันมีขนาดเล็กและสามารถพกพาได้โดยสะดวก
แต่ราคายังค่อนข้างสูง
ETablet PC เป็นคอมพิวเตอร์ชนิดพกพา มีความสามารถเหมือนกัน PC บางชนิดไม่มีแป้นพิมพ์แต่ใช้ซอฟต์แวร์ประเภทรู้จำลายมือในการรับข้อมูล
ยังมีราคาแพงอยู่มาก
EPersonal Digital Assistant
(PDA) เป็นอุปกรณ์พกพา เสมือนเป็นผู้ช่วยดิจิตอลส่วนตัว
หน่วยประมวลผลมีความสามารถสูง จอภาพแสดงผลได้ถึง 65000 สีขึ้นไป
สามารถประมวลผลไฟล์ประเภทมัลติมีเดียได้ทุกประเภท ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการมักใช้ Palm
หรือ Microsoft Pocket PC มีซอฟต์แวร์ให้ เลือกติดตั้งได้หลากหลาย
ECellular phones
เป็นอุปกรณ์ประเภทโทรศัพท์มือถือทั่วไป
เน้นการใช้ข้อมูลประเภทเสียงและการรับส่งข้อความ (SMS) มีข้อจำกัด
คือ มีหน่วยความจำน้อย อัตราการโอนถ่ายข้อมูลต่ำ ในรุ่นที่มีความสามารถ
สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน WAP (Wireless Application Protocol) หรือ GPRS (General Packet Radio Service)
ESmart Phones เป็นอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ความสามารถสูง รวมความสามารถของ PDA และ Cellular phones เข้าด้วยกัน อาจมีขนาดเล็กกว่า PDA
และใหญ่กว่า Cellular phones ใช้ระบบปฏิบัติการ
คือ Symbian หรือ Windows Mobile มีโปรแกรมประเภท Internet Browser ใช้เป็นอุปกรณ์ Multimedia
สำหรับการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากตัวอย่างอุปกรณ์ข้างต้น
คุณสมบัติของอุปกรณ์ที่สำคัญคือ
สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่ายโดยใช้เทคโนโลยีไร้สายแบบใดแบบหนึ่ง มีความสามารถในการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์แต่ละประเภทมีขนาด น้ำหนัก ความสามารถ และราคาแตกต่างกันไป
ดังตัวอย่างตารางเปรียบเทียบอุปกรณ์ที่ใช้ใน m-Learning ดังนี้
เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ใช้กับ m-Learnin
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อแบบไร้สายเพื่อใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่หลายรูปแบบ
แต่ละรูปแบบมีความสามารถในการโอนถ่ายข้อมูลและขอบเขตที่แตกต่างกันไป ดังนี้
• Global System for Mobile
Communications (GSM)
• Wireless Application Protocol
(WAP).
• General Packet Radio Service
(GPRS).
• Bluetooth
• IEEE 802.11
• Infrared Data Association (IrDA
ประโยชน์ m-Learning
ประโยชน์ของระบบเครือข่ายไร้สาย
(ออนไลน์
: http://www.thaicyberpoint.com/ ford/
blog/tag/wireless-lan/ มีดังนี้
1. mobility improves productivity & service มีความคล่องตัวสูง
ดังนั้นไม่ว่าเราจะเคลื่อนที่ไปที่ไหน หรือเคลื่อนย้ายคอมพิวเตอร์ไปตำแหน่งใด
ก็ยังมีการเชื่อมต่อ กับเครือข่ายตลอดเวลา ตราบใดที่ยังอยู่ในระยะการส่งข้อมูล
2. installation speed and simplicity สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว
เพราะไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งสายเคเบิล และไม่รกรุงรัง
3. installation flexibility สามารถขยายระบบเครือข่ายได้ง่าย
เพราะเพียงแค่มี พีซีการ์ดมาต่อเข้ากับโน๊ตบุ๊ค หรือพีซี
ก็เข้าสู่เครือข่ายได้ทันที
4. reduced cost- of-ownership ลดค่าใช้จ่ายโดยรวม
ที่ผู้ลงทุนต้องลงทุน ซึ่งมีราคาสูง เพราะในระยะยาวแล้ว ระบบเครือข่ายไร้สายไม่จำเป็นต้องเสียค่าบำรุงรักษา
และการขยายเครือข่ายก็ลงทุนน้อยกว่าเดิมหลายเท่า เนื่องด้วยความง่ายในการติดตั้ง
5. scalability เครือข่ายไร้สายทำให้องค์กรสามารถปรับขนาดและความเหมาะสมได้ง่ายไม่ยุ่งยาก
เพราะสามารถโยกย้ายตำแหน่งการใช้งาน โดยเฉพาะระบบที่มีการเชื่อมระหว่างจุดต่อจุด
เช่น ระหว่างตึก
ระบบเครือข่ายไร้สาย เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ไม่มากนัก
และมักจำกัดอยู่ในอาคารหลังเดียวหรืออาคารในละแวกเดียวกัน การใช้งานที่น่าสนใจที่สุดของเครือข่ายไร้สายก็คือ
ความสะดวกสบายที่ไม่ต้องติดอยู่กับที่
ผู้ใช้สามารถเคลื่อนที่ไปมาได้โดยที่ยังสื่อสารอยู่ในระบบเครือข่าย
แนวโน้มของเครือข่ายไร้สายในอนาคตนั้นมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบัน
โดยถ้ามองในภาพรวมแล้วจะมีการพัฒนาในด้านต่างๆ (ออนไลน์
: http://www.stu dent.chula.ac.th/~49801798/page11.html สืบค้นเมื่อวันที่
11 สิงหาคม พ.ศ. 2550) ดังนี้
1.
สามารถเชื่อมต่อได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกรูปแบบ
2. ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลเพิ่มมากขึ้น
3. สามารถใช้เทคโนโลยีร่วมกันได้
4. อุปกรณ์ที่ใช้ในเครือข่ายมีขนาดเล็กและราคาถูกลง
5. ระบบมีความปลอดภัยมากขึ้น
6. สนับสนุนข้อมูลทุกรูปแบบ ทั้งเสียง วิดีโอ และข้อความ
ข้อดีของ m-Learning
1.การใช้ m-Learning
สามารถใช้ได้ทุกสถานที่และทุกเวลา ถึงแม้สถานที่นั้น
จะไม่มีสายสัญญาณให้เชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นการแก้ไขปัญหาในการเรียนแบบ
Location Dependent Education
2. อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อแบบไร้สายส่วนมาก
มักมีราคาต่ำกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ และมีขนาด
น้ำหนักน้อยกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป ทำให้สะดวกในการพกพาไปในสถานที่ต่าง ๆ
ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนสถานที่ใด เวลาใดก็ได้
3.จำนวนผู้ใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่มีจำนวนมาก
และใช้อยู่แล้วในชีวิตประจำวัน หากนำอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีไร้สายมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
ก็จะเป็นการเพิ่มช่องทางและจำนวนผู้เรียนได้
4. การเรียนในรูปแบบ
m-Learning เป็นการเรียนรู้แบบเวลาจริง
เนื้อหามีความยืดหยุ่นกว่าบทเรียนแบบ e-Learning ทำให้การเรียนรูได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีกว่า
e-Learning
5. ผู้เรียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนหรือเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ทันที
เช่น การส่งข้อความ การส่งไฟล์รูปภาพ หรือแม้กระทั่งการสนทนาแบบเวลาจริง (Real
time)
6.มีค่าใช้จ่ายโดยรวมถูกกว่าบทเรียนที่นำเสนอผ่านไมโครคอมพิวเตอร์
ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ข้อเสียของ m-Learning
1. จอภาพแสดงผลของอุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก
โดยเฉพาะในโทรศัพท์มือถือ ทำให้ไม่สามารถแสดงข้อมูล
สารสนเทศให้ผู้เรียนเห็นได้อย่างชัดเจน
2. อุปกรณ์แบบเคลื่อนที่
ส่วนมากมีขนาดหน่วยความจำมีความจุน้อยกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป
ทำให้มีข้อจำกัดในการจัดเก็บไฟล์ประเภทมัลติมีเดีย
3. การปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มอุปกรณ์ในอุปกรณ์แบบเคลื่อนที่
ทำได้ยากกว่าคอมพิวเตอร์
4. เครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีที่ใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายมีความเร็วต่ำ
เป็นอุปสรรคสำคัญในการเรียนแบบ m-Learning เพราะไม่สามารถใช้สื่อประเภทมัลติมีเดียขนาดใหญ่
5. แบตเตอรี่หรือแหล่งจ่ายไฟของอุปกรณ์เคลื่อนที่มีระยะเวลาที่จำกัด
ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา
6. อุปกรณ์แบบไร้สายมีหลายรุ่น
หลายยี่ห้อ คุณสมบัติของแต่ละเครื่องก็แตกต่างกัน การใช้งานก็ย่อมแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น
หน้าจอที่เล็ก หน่วยความจำที่มีจำกัดและน้อย ทำให้ไม่เอื้ออำนวยต่อการ ดาวน์โหลด
ข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลรูปภาพ และเสียง ที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก
สรุป
การก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ได้อำนวยความสะดวกให้กับเราทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นด้านการสื่อสาร การเรียนการสอน
โดยเฉพาะการเรียนการสอนผ่านระบบ M-learning ที่สะดวกสบายไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน
เราก็สามารถติดตามข่าวสาร หรือเรียนรู้ได้อย่างไรขอบเขต ขอเพียงแคเรามี
โทรศัพท์ มือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุค และอินเตอร์เน็ท เท่านี้ก็ทำให้เราเรียนรู้ได้แล้ว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
2. แทรกตัวอย่างรูปภาพ หรือ แทรกวิดีโอ ในหัวข้อที่ได้
3. ท่านจะประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน
หรือ ชีวิตประจำวัน
หรือ ในหน่วยงาน องค์กรได้อย่างไร
ตอบ ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างมากมาย
ทั้งการนำมาใช้ในธุรกิจ การศึกษา
หรือการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนส่งเสริมให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร
สารสนเทศต่างๆได้อย่างไร้ขอบเขต ทุกคนสามารถติดต่อกันได้ทุกหนแห่ง ทุกที่ ทุกเวลา
โดยเฉพาะอินเทอร์เนตซึ่งได้รับการนิยมการอย่าง แพร่หลาย
สำหรับระบบการศึกษาในช่วงแรกได้มีการนำอินเทอร์เนตเข้ามาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบของ
E – learning เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยอาศัยเครือข่ายอินเทอร์เนตที่ได้รับการนิยมกันอย่างแพร่หลาย
การจัดการเรียนการสอนแบบ E – learning เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่มีความทันสมัย
และตอบสนองความต้องการของผู้เรียนได้ค่อนข้างดี
คงเป็นเทคโนโลยีสุดท้ายที่ทันสมัยที่สุดสำหรับการศึกษาทางไกล
แต่การจัดการเรียนการสอนแบบ E – learning ก็ยังประสบปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนซึ่งต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่อินเทอร์เนตที่สามารถใช้งานได้
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียนที่ไม่มีที่สิ้นสุด การศึกษาที่ต้องพัฒนาระบบการจัดการเรียนการสอนผ่านโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่
ซึ่งจะช่วยในการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนแบบ E – learning
4. ได้ความรู้มากเลยครับอาจารย์
เพราะผมไม่เก่งเทคโนโลยี ต่อไปนี้ผมคงต้องอัปเดทตลอดเวลาแล้วครับ
ขอบคุณอาจารย์มากครับ
ดังนั้นสิ่งที่จะสามารถให้คำตอบในการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนแบบ
E – learning คือคำว่า “การจัดการเรียนการสอนบนเครือข่ายไร้สาย (M – learning)” ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์บนเครือข่ายไร้สาย
สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพา (PDA) โทรศัพท์มือถือ(Smart
phone) ตลอดจนเครื่องเล่นเสียงแบบพกพา (iPod) ที่สามารถตอบสนองให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่
ทุกเวลา และส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างไร้ขอบเขตจำกัด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)