วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

สรุปบทเรียนวันท่ี 21 เม.ย. 57


สรุปงาน วันที่ 21 เมษายน 2557          กิจกรรมที่ 1   อ. ประเสริฐ (งานบุคคล)

หลักสูตรที่ 8 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

กรณีศึกษา : ปัญหาที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ

 

เรื่อง

โรคและกลุ่มอาการที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ


นายสมพงษ์  พูลสุข

เลขที่ 1317

อาจารย์ประจำหลักสูตร

ผศ. ประเสริฐ  แซ่เอี๊ยบ

    วันที่ 21  เมษายน 2557

1.  ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

นับย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน อเมริกานับเป็นประเทศแรก ๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ สมัยนั้นมีนักวิจัยทำรายงานและเก็บสถิติได้ว่า ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในยุคนั้นประสบปัญหาโรคทางสายตา เช่น ต้อกระจก เกิดอาการเครียด ปวดศีรษะมากที่สุด เพราะจอหรือมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์ในยุคแรก ๆ นั้นยังไม่ได้รับการพัฒนาคอมพิวเตอร์ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น แต่ทว่าทำให้เราเกิดโรคใหม่ ที่ไม่มีเชื้อ ไม่มีวัคซีนป้องกัน และไม่ใช่โรคติดต่อ โรคพวกนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วรักษาให้หายยาก ใช้เวลานาน นอกจากจะก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองแล้ว ยังทำลายคุณภาพชีวิตด้วย ทำให้ขาดมนุษยสัมพันธ์ ขาดการออกกำลังกาย ขาดโภชนาการที่ดี

ผลการวิจัยข้อมูลจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดย พ..นพ.กิฎาพล วัฒนกูล ผู้อำนวยการกองเวชศาสตร์ฟื้นฟู ได้รวบรวมเรื่องราวรอบโรคนำเสนอเป็นความรู้ที่น่าสนใจถึง กลุ่มอาการที่อาจกล่าวว่าเป็นโรคใหม่ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ คือ Cumulative Trauma Disorders (ความผิดปกติจากอุบัติภัยสะสม) เป็นอาการที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ไม่ใช่โรค แต่เป็นปฏิกิริยาจากการทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลัก และโรคใหม่อีกโรค คือ โรค Hurry Sickness (โรคทนรอไม่ได้) มักเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้อาการกระวนกระวาย ซึ่งหากมีอาการมาก ๆ ก็จะเข้าข่ายเป็นโรคประสาทได้ ซึ่งอาจนำไปถึงการเสียเพื่อน และตกงานได้ รายงานการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องได้มีการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างแพร่หลายในหลาย ๆ ประเทศ พอสรุปได้ดังนี้คือ (กิฎาพล วัฒนกูล)

1) ในประเทศสวีเดน พบว่า สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ สารนี้มีชื่อทางเคมีว่า Triphenyl Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในจอวิดีโอ และคอมพิวเตอร์
2) ในประเทศญี่ปุ่น มีผลการวิจัยบ่งชี้ว่า การใช้เวลาทำงานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ สามารถทำให้มีอาการป่วยทั้งทางร่างกาย จิตใจ รวมทั้งอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ อาการอ่อนเพลีย ซึ่งกลายเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้น เป็นประจำสำหรับพนักงานที่ใช้เวลาเกินกว่า 5 ชั่วโมงทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในแต่ละวัน
3) ในประเทศไทย โดยกองอาชีวอนามัย กรมอนามัย ได้ศึกษาวิจัยในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์จากหลาย ๆ หน่วยงานพบว่า ห้องทำงานส่วนใหญ่มีสภาพการจัดที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ร้อยละ 62 ที่ทราบถึงผลกระทบต่อระบบสายตา ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้นที่ทราบถึงผลกระทบต่อระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต่อ อันเนื่องมาจากการใช้คอม พิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ

2. โรคและกลุ่มอาการที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อันเนื่องมาจากการทำงานกับคอมพิวเตอร์

        1. โรค Cumulative Trauma Disorders (ความผิดปกติจากอุบัติภัยสะสม) อาการของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป จะมีอาการปวดคอ ไหล่ ข้อมือ และหลัง ผู้ที่เป็นมาก ๆ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการชาที่มือ อาการของโรคพวกนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรกเป็นแล้วหายเมื่อได้พัก ระยะสองคือ มีอาการต่อเนื่องถึงกลางคืน และหายเมื่อได้พัก ระยะสามคือ เป็นตลอดเวลาไม่หายเมื่อได้พัก การรักษาคือ ต้องปรับพฤติกรรมการทำงานของตนเองก่อน หรือถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์ และควรเล่าประวัติการทำงาน ให้แพทย์ทราบสาเหตุที่แท้จริง แพทย์จึงจะรักษาเจาะจงเฉพาะที่ได้
        2. โรคนี้มีความคล้ายกับ โรคจากการทำงานซ้ำซาก ซึ่งนักกายภาพบำบัดอธิบายว่า พบมากในผู้ที่ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน มักจะมีอาการชาข้อมือ หรือที่เรียกว่า กลุ่มอาการอุโมงค์ข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) เกิดเนื่องจากการใช้งานซ้ำ ๆ ที่บริเวณข้อมือ ทำให้เอ็นรอบ ๆ ข้อมือหนาตัวขึ้นแล้วไปกดเส้นประสาทที่วิ่งผ่าน ทำให้เกิดอาการชาและเจ็บได้ ซึ่งการรักษานอกจากทางกายภาพ โดยใช้ความร้อนทำให้บริเวณที่จับหนาตัวขึ้นนิ่มลงและยืดมันออก ทำให้อุโมงค์ที่เส้นประสาทลอดผ่านขยายตัวได้ แต่ถ้าผู้ที่เป็นมาก ๆ จะมีอาการชาจนกระทั่งกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงไป การผ่าตัดคือ วิธีรักษาที่ดีที่สุด
        3. โรคทนรอไม่ได้ (Hurry Sickness) มักจะเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้กลายเป็นคนขี้เบื่อ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน เครียดง่าย เช่น ทนรอเครื่องดาวน์โหลดนาน ๆ ไม่ได้ กระวนกระวาย หากมีอาการมาก ๆ ก็จะเข้าข่ายโรคประสาทได้ ท่านจึงควรปรับเปลี่ยนลักษณะงาน และพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองไว้บ้าง มิฉะนั้นท่านจะเป็นคนที่เสียทั้งงานและเสียทั้งเพื่อนได้
        4. โรคภูมิแพ้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสตอก โฮล์ม ในสวีเดนพบว่า สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ สารนี้มีชื่อว่า Triphenyl Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในจอวิดีโอ และคอมพิว เตอร์ สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่น คัน คัดจมูก และปวดศีรษะ ผลวิจัยพบว่า เมื่อจอคอมพิวเตอร์ร้อนขึ้นจะปล่อยสารเคมีดังกล่าวออกมา โดยเฉพาะหากสภาพภายในห้องทำงานที่มีเนื้อที่จำกัด เครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้น อากาศที่ดีจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
3. สรุปภัยจากคอมพิวเตอร์
         ปัจจุบัน คอมพิวเตอร์กำลังจะกลายเป็นอุป กรณ์ธรรมดา ๆ ที่จำเป็นต้องมีของทุกหน่วยงาน พนักงานทุกคนต้องใช้เป็น ความเสี่ยงจึงเกิดกับท่านที่ใช้ชีวิตอยู่หน้าจอเป็นประจำเท่านั้น โดยเฉพาะท่านที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน ผลกระทบต่อสุขภาพเบื้องต้นที่แน่ ๆ ก็คือ ปวดหลัง ปวดไหล่ ต้นคอ และข้อมือ เกิดอาการเครียดที่ตา เพราะขณะมองจอนั้นผู้ใช้มักไม่กะพริบตา เป็นผลให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงเกิดอาการระคายเคืองได้ และอาการที่ตามมาคือ ตาพร่า และมองไม่เห็นชั่วคราว นอกจากนี้ยังอาจมีอาการไมเกรนพ่วงมาด้วย
        ปัญหาทางตาเป็นปัญหาที่น่าห่วงมาก เพราะเมื่อตาเกิดความเครียด กล้ามเนื้อตาจะบีบรัดเลนส์ตา จนเกิดความเมื่อยล้า จึงมีคำแนะนำว่า ถ้าต้องใช้สายตาอยู่กับหน้าจอนาน ๆ ควรพักสายตาทุก ๆ สิบนาที ด้วยการเปลี่ยนไปมองวัตถุที่อยู่ไกลออกไปสัก 20 ฟุต มองสัก 2-3 นาทีแล้วค่อยมองจอต่อ ทั้งหมดคงต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์เอง ที่จะต้องรับผิดชอบสุขภาพของตนเอง เพราะถ้าเกิดปัญหาทางสายตาขึ้น จะไปเรียกร้องเงินทดแทนก็คงทำได้ยาก
4. ข้อเสนอแนะ  (กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข)
        การจัดและปรับสภาพโต๊ะทำงานคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละคน ควรปรับระดับที่เหมาะสมของตนเอง เพื่อให้ได้ท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาตาล้า และความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อของร่างกาย จึงขอเสนอคำแนะนำในการจัดสัดส่วนงานคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียด ดังนี้ คือ
        - จอภาพคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาในแนวประมาณ 20 องศา
        - ระยะในการมอง ควรอยู่ระหว่าง 50-70 ซม.
        - เก้าอี้ปรับระดับได้ และ/หรือโต๊ะปรับระดับความสูงได้
        - นั่งหลังตรง หลังพิงพนักพิง
        - จอภาพควรเป็นประเภทตัวหนังสือมืดบนพื้นสว่าง ภายใต้ระดับความส่องสว่างของแสงประมาณ 300-500 ลักซ์ หรืออย่าให้มีการสะท้อนของแสงที่ตกกระทบ ทำให้เสมือนมีหมอกมาบดบังอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์.
 

ภาคผนวก


บทความจาก :  ผศ.นพ.กิตติ โตเต็มชัยการ  อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี (ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.. 2557)

โรคกระเพาะอาหาร ในปัจจุบันมีการใช้อินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและติดต่อสื่อสารกันอย่างรวดเร็วเสมือนกับการย่อโลกลงมาและประโยชน์ข้อนี้ก็อาจทําให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินกับหน้าจอจนเลยเวลารับประทานอาหารหรือรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ซึ่งอาจทําให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีอาการปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหารได้

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับผู้นั่งทํางานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานหลายชั่วโมงจนไม่ได้ไปปัสสาวะหรือกลั้นปัสสาวะไว้นานเกินไป โดยเฉพาะผู้หญิง การกลั้นปัสสาวะไว้นานอาจทําให้มีโอกาสที่เชื้อโรคบริเวณปากช่องคลอดจะเข้าไปในท่อปัสสาวะทําให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะทําให้ปัสสาวะบ่อย หรือเวลาปัสสาวะจะมีอาการแสบขัด บางรายถึงกับลุกลามเป็นกรวยไตอักเสบ มีอาการมีไข้หรือปวดหลังได้ ดังนั้น ในระหว่างที่ใช้คอมพิวเตอร์
ถ้ารู้สึกปวดปัสสาวะควรไปห้องน้ําทันที ไม่ควรรอ

โรคขาดอาหาร การเล่นเครื่องคอมพิวเตอร์นานๆ โดยเฉพาะในเด็กอาจถึงกับทําให้เกิดภาวะขาดอาหารได้ เนื่องจากไม่สนใจรับประทานอาหาร หรือทานอาหารที่หาง่ายทําง่าย เช่น บะหมี่กึ่งสําเร็จรูปที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และทําให้ร่างกายขาดสารอาหารจําเป็น ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายได้

การอดนอน การเพลิดเพลินกับคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตหรือการเล่นเกมทําให้นอนดึก อดนอน ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ทําให้สมองไม่แจ่มใส หากทําติดต่อกันหลายวันอาจส่งผลให้การเรียนหรือการทํางานขาดประสิทธิภาพ เสียการเรียนหรือเสียการเสียงานได้

การขาดการออกกําลังกาย การติดการใช้คอมพิวเตอร์ หรือใช้เวลาแต่ละวันนั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์หลายชั่วโมงจนบางครั้งไม่มีเวลา หรือไม่มีความคิดจะออกกําลังกาย ทําให้ร่างกายไม่แข็งแรงกล้ามเนื้อในร่างกายขาดการฝึกฝนใช้งาน ทําให้กล้ามเนื้อหดลีบขาดความคล่องตัว ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะอ่อนแอลงทําให้ติดเชื้อโรคได้ง่าย เป็นหวัด เจ็บคอบ่อยๆ จากการติดเชื้อทางเดินหายใจ เพราะนั่งใช้คอมพิวเตอร์อยู่แต่ในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศเกือบตลอดเวลาไม่ค่อยออกไปสัมผัสกับแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์

บรรณานุกรม


กิฎาพล วัฒนกูล ผลการวิจัยข้อมูลจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ผู้อำนวยการกองเวชศาสตร์ฟื้นฟู

กิตติ โตเต็มชัยการ  บทความอโรคจากคอมพิวเตอ าจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี

ไทยรัฐออนไลน์ (วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.. 2557)


เรียบเรียง....สมพงษ์  พูลสุข
กิจกรรมที่ 2  (อ. ประเสริฐ) งานกลุ่ม  โดยอาจารย์ให้หาข่าวปัญหาที่เกิดจากการใช้สื่อและนำมาสอนนักเรียนตามเกณฑ์ดังนี้


A nalyze Learer Characteristics          การวางแผนอย่างเป็นระบบในการใช้สื่อการสอน (ASSURE)

S tate   Objectives                                 การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน

S elect  Modify or Design  Materials  การกำหนดวัตถุประสงค์  (2 แบบ เชิงพฤติกรรม นักเรียนสามารถบอกได้)

 U tilize  Materials                                  การเลือก ดัดแปลง  หรือออกแบบสื่อใหม่

 R equire Learner Response                   การใช้สือ

  V valuation                                              การกำพหนดการตอบสนองของผู้เรียน

บทเรียนโปรแกรม (เรียบเรียง....สมพงษ์  พูลสุข)

1. ให้นักเรียนมีส่วนร่วมอย่างกระฉับกระเฉง

2. บทเรียนต้องให้ผลย้อนกลับทันที  (เด็กตอบถูก- ผิด ต้องเฉลยทันที)

3. บทเรียนต้องประเมินทีละน้อย

4. ให้นักเรียนได้รับประสบการณ์แห่งความสำเร็จ

กิจกรรมที่ 3  (อ. ประเสริฐ) งานกลุ่ม ชิ้นที่ 2 ทำโปรแกรม power point ตามหัวข้อต่อไปนี้
(เรียบเรียง สมพงษ์ พูลสุข)
กรอบ -      ชื่อบทเรียน....................

-          คำแนะนำ/     วัตถุประสงค์

-          เนื้อหา

-          แบบฝึกหัด  (ต้องทำทันทีจากเนื้อหา) ( ผิด-ถูก)

-          สรุป

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น